ผู้บริโภคที่ชอบปลาร้าสำหรับเพิ่มรสชาติความแซ่บและนัวให้มื้ออาหารคงจะไม่สนใจแค่รสชาติที่อร่อยถูกปากเท่านั้น แต่ยังต้องคิดถึงความปลอดภัยและสุขลักษณะเมื่อบริโภค ดังนั้น ผู้ผลิตปลาร้าจึงต้องใส่ใจและเพิ่มความระมัดระวังเมื่อต้องหมักน้ำปลาร้าให้มีคุณภาพทั้งรสชาติและความปลอดภัย แล้วขั้นตอนอะไรระหว่างการหมักปลาร้าที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อให้ปลอดภัยต่อผู้บริโภค คงต้องมาดูทีละขั้นตอนว่าทำอย่างไรปลาร้าจึงจะดีทั้งรสชาติและดีต่อสุขอนามัยต่อผู้บริโภค
ภาชนะที่ใช้ต้องสะอาด
ก่อนจะนำปลาไปหมักเป็นปลาร้ารสชาติดีก็ต้องใช้ภาชนะที่ทำความสะอาดมาเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะใช้ไห โอ่ง หม้อ ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นภาชนะใดก็ตามการทำความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้น้ำปลาร้าปลอดภัย ไม่ว่าจะทำปริมาณมากขนาดไหนก็จะได้ปลาร้าสะอาดและรสชาติอร่อย
ทำความสะอาดปลาก่อนนำไปหมัก
ก่อนจะได้ลิ้มรสน้ำปลาร้าก็ต้องใช้ปลาสดและสะอาด ซึ่งการนำมาหมักต้องขอดเกล็ด นำครีบแข็งและเงี่ยงออก และควักไส้ปลาออกให้หมด เพื่อให้มีเพียงตัวและเนื้อปลาเท่านั้น เมื่อทำปลาแล้วก็ต้องล้างปลาให้สะอาดทั้งตัว ต่อจากนั้นจึงนำไปหมักได้อย่างปลอดภัย
ปิดปากภาชนะระหว่างหมัก
เมื่อต้องถนอมอาหารอย่างการหมักน้ำปลาร้าอาจจะมีกลิ่นแรงจนทำให้มีแมลงหรือสัตว์อื่น ๆ ที่อาจจะมาตอมหรือคุ้ยเขี่ยอาหารจนทำให้ปลาร้าเกิดความสกปรกได้ ดังนั้น ระหว่างการหมักก็ต้องมีผ้าขาวบาง พลาสติก หรือฝาปิดให้มิดชิด เพื่อไม่ให้กลิ่นไปถึงสัตว์ต่าง ๆ
จำหน่ายแบบอินเตอร์ต้องพาสเจอร์ไรซ์
หากหมักปลาร้าทั่วไปอาจจะใช้วิธีทางภูมิปัญญาเหมือนที่ผ่านมาได้ แต่ถ้าผู้ผลิตต้องการกระจายสินค้าให้ได้ฐานการตลาดมากขึ้นก็ต้องมีการพาสเจอร์ไรซ์น้ำปลาร้าให้สะอาดมากที่สุดก่อนนำไปจัดจำหน่าย นอกจากจะถูกสุขลักษณะต่อผู้บริโภคแล้วยังสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้ตลอดว่าการทานปลาร้าทุกครั้งจะอร่อยแบบไม่ทำร้ายสุขภาพ
เกลือ ข้าวคั่ว รำ ต้องถูกสุขลักษณะ
การหมักปลาร้าต้องใช้เกลือ ข้าวคั่ว และรำมาหมักให้ปลาร้าอยู่ได้นาน แถมยังมีรสชาติเข้มข้นมากขึ้นก็เพราะหมักด้วยส่วนประกอบดังกล่าว ฉะนั้นการเลือกเกลือบริสุทธิ์ สะอาด ข้าวคั่วสดใหม่ ไม่ค้างนาน และรำที่สดและเพิ่งหั่นใหม่จะช่วยให้น้ำปลาร้าสะอาด อร่อย จะใช้กี่ครั้งก็รสชาติดีไม่ต้องกลัวท้องเสียหรือปวดท้องหลังมื้ออาหาร
ความปลอดภัยและสุขลักษณะที่ดีของทุกมื้ออาหารเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังและให้ความใส่ใจ การหมักปลาร้าให้ถูกสุขลักษณะในทุกขั้นตอนจึงเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ผู้บริโภคทานอร่อยแบบไม่ต้องกังวลเรื่องโรคที่มาพร้อมกับอาหารอีกต่อไป
ภาชนะที่ใช้ต้องสะอาด
ก่อนจะนำปลาไปหมักเป็นปลาร้ารสชาติดีก็ต้องใช้ภาชนะที่ทำความสะอาดมาเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะใช้ไห โอ่ง หม้อ ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นภาชนะใดก็ตามการทำความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้น้ำปลาร้าปลอดภัย ไม่ว่าจะทำปริมาณมากขนาดไหนก็จะได้ปลาร้าสะอาดและรสชาติอร่อย
ทำความสะอาดปลาก่อนนำไปหมัก
ก่อนจะได้ลิ้มรสน้ำปลาร้าก็ต้องใช้ปลาสดและสะอาด ซึ่งการนำมาหมักต้องขอดเกล็ด นำครีบแข็งและเงี่ยงออก และควักไส้ปลาออกให้หมด เพื่อให้มีเพียงตัวและเนื้อปลาเท่านั้น เมื่อทำปลาแล้วก็ต้องล้างปลาให้สะอาดทั้งตัว ต่อจากนั้นจึงนำไปหมักได้อย่างปลอดภัย
ปิดปากภาชนะระหว่างหมัก
เมื่อต้องถนอมอาหารอย่างการหมักน้ำปลาร้าอาจจะมีกลิ่นแรงจนทำให้มีแมลงหรือสัตว์อื่น ๆ ที่อาจจะมาตอมหรือคุ้ยเขี่ยอาหารจนทำให้ปลาร้าเกิดความสกปรกได้ ดังนั้น ระหว่างการหมักก็ต้องมีผ้าขาวบาง พลาสติก หรือฝาปิดให้มิดชิด เพื่อไม่ให้กลิ่นไปถึงสัตว์ต่าง ๆ
จำหน่ายแบบอินเตอร์ต้องพาสเจอร์ไรซ์
หากหมักปลาร้าทั่วไปอาจจะใช้วิธีทางภูมิปัญญาเหมือนที่ผ่านมาได้ แต่ถ้าผู้ผลิตต้องการกระจายสินค้าให้ได้ฐานการตลาดมากขึ้นก็ต้องมีการพาสเจอร์ไรซ์น้ำปลาร้าให้สะอาดมากที่สุดก่อนนำไปจัดจำหน่าย นอกจากจะถูกสุขลักษณะต่อผู้บริโภคแล้วยังสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้ตลอดว่าการทานปลาร้าทุกครั้งจะอร่อยแบบไม่ทำร้ายสุขภาพ
เกลือ ข้าวคั่ว รำ ต้องถูกสุขลักษณะ
การหมักปลาร้าต้องใช้เกลือ ข้าวคั่ว และรำมาหมักให้ปลาร้าอยู่ได้นาน แถมยังมีรสชาติเข้มข้นมากขึ้นก็เพราะหมักด้วยส่วนประกอบดังกล่าว ฉะนั้นการเลือกเกลือบริสุทธิ์ สะอาด ข้าวคั่วสดใหม่ ไม่ค้างนาน และรำที่สดและเพิ่งหั่นใหม่จะช่วยให้น้ำปลาร้าสะอาด อร่อย จะใช้กี่ครั้งก็รสชาติดีไม่ต้องกลัวท้องเสียหรือปวดท้องหลังมื้ออาหาร
ความปลอดภัยและสุขลักษณะที่ดีของทุกมื้ออาหารเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังและให้ความใส่ใจ การหมักปลาร้าให้ถูกสุขลักษณะในทุกขั้นตอนจึงเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ผู้บริโภคทานอร่อยแบบไม่ต้องกังวลเรื่องโรคที่มาพร้อมกับอาหารอีกต่อไป